ลวดหนามทำมาจากโลหะซึ่งทำให้ไวต่อการเกิดสนิม อย่างไรก็ตามลวดจะถูกชุบด้วยสังกะสีเพื่อป้องกันการเกิดสนิม โดยวิธีการชุบลวดหนามนี่แหละที่เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเกิดสนิมของลวดหนาม การชุบลวดหนามมีด้วยกัน 2 วิธีคือ การชุบโลหะด้วยไฟฟ้า (electro galvanized) ซึ่งการชุบโลหะด้วยไฟฟ้า มีข้อดีคือต้นทุกต่ำ ลวดหนามจะมีน้ำหนักเบา เพราะการชุบด้วยไฟฟ้านั้นมีความหนาเพียง 0.008-0.01 mm หรือ มีความหนาประมาณ 5-10 ไมครอนเท่านั้น ทำให้อายุการใช้งานค่อนข้างน้อย มีอายุการใช้งานเพียง 6 เดือน – 1ปีเท่านั้น  ส่วนการชุบอีกวิธีนั้นเรียกว่า การชุบแบบจุ่มร้อน (hot dipped galvanized) โดยวิธีนี้ต้องเริ่มจากการกำจัดสิ่งสกปรกบนลวด เเล้วถึงจะนำลวดลงไปชุบในอ่างสังกะสีหลอมเหลว ข้อดีของ

การชุบแบบจุ่มร้อนคือ การชุบแบบนี้มีความหนาถึง 0.8-1.0 mm หรือมีความหนาประมาณ 40-300 ไมครอน เรียกได้ว่าการชุบแบบจุ่มร้อน จะมีช่วยยืดอายุการใช้งานยาวนานมากกว่า 20 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งานเเละสภาพอากาศ ซึ่งวิธีการชุบเเบบจุ่มร้อนนี้จะทำให้ลวดหนามขึ้นสนิมได้ยากกว่าการชุบแบบไฟฟ้าแน่นอน แต่วิธีนี้อาจจะทำให้ต้นทุนการผลิตจะสูงกว่าการชุบแบบไฟฟ้ามาก ทำให้คนส่วนใหญ่เลือกใช้วิธีการชุบแบบไฟฟ้า เพื่อประหยัดต้นทุน

 นอกจากตัวเส้นลวดที่มีผลต่อการเกิดสนิมแล้ว อีกหนึ่งอย่างที่มีความสำคัญก็คือ บริเวณตัวหนาม เพราะลวดหนามส่วนมากที่เกิดสนิมก็มักจะเริ่มเกิดจากบริเวณปลายหนามก่อนแล้วค่อยลามมาที่ตัวเส้นลวด จนทำให้สนิมลามไปทั้งเส้นอย่างที่เราเคยเห็นกัน โดยในปัจจุบันได้มีผู้ผลิตลวดหนามบางรายที่เห็น และเข้าใจปัญหาในเรื่องของการเกิดสนิม จึงได้พัฒนาลวดหนามที่มีความทนทานต่อสนิมได้นานถึง 80 ปี  โดยเพิ่มความพิเศษของตัวหนามด้วยการชุบซิงค์อลูมิเนียม เเละมีการเพิ่มความทนสนิมด้วยการทาสีดำเคลือบตัวหนามอีกชั้น ทำให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันสนิมได้มากยิ่งขึ้นมากกว่าลวดหนามทั่วไป และบริเวณตัวเส้นลวดไม่เพียงแต่จะใช้การวิธีการชุบแบบจุ่มร้อน แต่ยังเป็นการจุ่มร้อนที่มีอลูมิเนียมผสมอยู่ถึง 10%  หรือที่เรียกว่า Aluzinc นั่นเอง ซึ่งการที่เราผสมอลูมิเนียมเข้าไปจะช่วยยืดเวลาให้ลวดหนามมีอายุการใช้งานโดยไม่เกิดสนิมยาวนานมากกว่าการชุบด้วยสังกะสีแบบธรรมดา หรือ การชุบเเบบไฟฟ้าตามที่กล่าวไปข้างต้น